วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553
จักรวรรดิมองโกล
ให้เราจินตนาการคนกว่า 100,000 คน มานั่งเต็มสนามสเดเตียมที่มีกว่า 400 หลังดู นั้นแหละคือจำนวนคราวๆ ที่ตกเป็นเหยื่อคมดาบ คมกระบี่ของจักรวรรดิมองโกเลีย
จักรวรรดิมองโกลเป็นจักรวรรดิที่ มีอาณาเขตกว้างขวางมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ก่อตั้งโดย เจงกีส ข่าน เมื่อ ค.ศ. 1206 ครอบคลุมตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงยุโรปตะวันออก ส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกในช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 13-14
ในยุโรป เรียกชาวมองโกลที่รุกรานว่า ตาร์ตาร์(Tartar) ซึ่งมีความหมายว่าผู้มาจากทาทารัส หรือขุมนรกที่ลึกที่สุดในตำนานของกรีก
R. J. Rummel ประมาณการว่าในการรุกรานเพื่อขยายอาณาเขตของชาวมองโกล มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 ล้านคน และประชากรของประเทศจีนลดลงไปครึ่งหนึ่งในช่วง 50 ปี ภายใต้การปกครองของมองโกล ยุทธการในการสู้รบของมองโลกคือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนเผ่าที่ไม่ยอมจำนน เพื่อสร้างชื่อเสียงความกลัวแก่ศัตรูอื่นๆ
ในปี ค.ศ. 1346 กองทัพมองโกล เข้าโจมตีเมืองแคฟฟาของอิตาลี กองทัพของมองโกลตั่งทัพอยู่นอกกำแพงอยู่นานไม่อาจเข้าโจมตีเข้าไปในค่ายได้ ต่อมาเกิดกาฬโรคหรือโรคห่าระบาดในกองทัพของมองโกล ทหารล้มตายเป็นเบือศพทหารกองท่วมค่าย แทนทีจะมีการนำศพนั้นไปฝังหรือเผา แม่ทัพมองโกลเกิดไอเดียกระฉูด นำศพทหารที่ตายด้วยโรคห่าใช้แทนก้อนหินเข้าเครื่องยิงข้ามเข้าไปในกำแพง เมืองแคฟฟา คนในเมืองแตกตื่นกับสภาพศพที่เห็น ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเป็นตุ่มพุพองช้ำเลือดช้ำหนองเน่าแฟะ หนำซ้ำเชื่อโรคยังระบายสู่ชาวเมือง ผู้คนล้มคายเป็นจำนวนมาก ที่เหลือลอดก็พากันหนีออกไปนอกเมือง จนในที่สุดไม่อาจต้านอาวุธเชื้อโรคของมองโกลได้เมืองจึงแตก
หลัง จากที่เมืองแคฟฟา อิตาลีแตก กองทัพมองโกลจึงเคลื่อนทัพเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน เข้าโจมตีหมู่เกาะซิซิลี และยุโรปตะวันออกด้วยวิธีการเดียวกัน เพียงแค่ในเวลา 3 ปีในการทำสงคราม คาดว่ามีผู้คนล้มตายด้วยกาฬโรคไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน
นับว่าเป็นครั้งแรก ที่มีการนำอาวุธเชื้อโรคเข้ามาทำสงคราม และถือว่าเป็นวิธีการที่สกปรกและขยะขแยงที่สุดในหน้าหนึ่งเท่าที่ประวัติ ศาสตร์เคยบันทึกเอาไว้
พวกเขาโหดร้ายจริง เหรอ? เออ.....มันเป็นยุค สงครามเนอะ(สั้นไปเปล่า...เนี้ย)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
มองโกล เจ๋งกว่าอเมริกาเยอะ
ตอบลบยุคนั้นอเมริกาหดหัวอนู่ไหนนะไม่เสนอหน้า
ช่วยชาวโลก