กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ หวังกดดันให้อิหร่านล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์เจ้าปัญหา
มาตรการแซงก์ชั่นหลักๆ จะอยู่ที่การขึ้นบัญชีดำธนาคารและบริษัทหลายแห่งของอิหร่าน ที่สหรัฐระบุว่ามีส่วนสนับสนุนเตหะรานพัฒนานิวเคลียร์ โดยธนาคารและบริษัทดังกล่าวจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ กับสหรัฐ อีกทั้งยังอาจถูกอายัดทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ในสหรัฐด้วย
มาตรการล่าสุดนี้ถือเป็นก้าวแรกของสหรัฐในการปฏิบัติตามมติคว่ำบาตรอิหร่านของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เพิ่งออกมาสัปดาห์ก่อน
นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ ขุนคลังสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า สหรัฐจะเริ่มใช้มาตรการทางการเงินเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่านในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
"หลักๆ ที่เราจะมุ่งเน้นก็คือการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายของอิหร่าน บทบาทของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม และการพยายามหลบหลีกมาตรการแซงก์ชั่น" ไกธ์เนอร์กล่าว
กระทรวงการคลังสหรัฐเพิ่มชื่อธนาคารโพสต์แบงก์ในบัญชีดำเป็นธนาคารที่ 16 ของอิหร่าน ที่ถูกกีดกันออกจากระบบการเงินระหว่างประเทศ
การแซงก์ชั่นครั้งนี้ ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทอิหร่านชิปปิงไลนส์ (IRISL) ของรัฐบาลเตหะรานหลบหลีกมาตรการแซงก์ชั่นโดยการเปลี่ยนชื่อเรือสินค้าหรือโอนเรือไปให้บริษัทใหม่ที่ตั้งขึ้นมาบังหน้า
นอกจากนี้ ยังขึ้นบัญชีดำกองทัพอากาศและหน่วยขีปนาวุธของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามเพื่อสกัดกั้นแผนการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป
สัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดีมะห์มูด อะห์มาดีเนญาด ผู้นำฝีปากกล้าของอิหร่าน ออกมาวิจารณ์มติคว่ำบาตรของสหประชาชาติว่าเปรียบเหมือนผ้าเช็ดหน้าใช้แล้วที่สมควรโยนทิ้งถังขยะ
ชาติมหาอำนาจตะวันตกรุมกล่าวหาอิหร่านว่ากำลังพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่เตหะรานยืนกรานปฏิเสธ
ทั้งนี้ คาดว่าสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งร่วมมือกับสหรัฐอย่างใกล้ชิดมาตลอดในการกดดันอิหร่านจะประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเช่นกันในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มในวันพฤหัสบดี โดยน่าจะมุ่งเน้นไปที่การแซงก์ชั่นธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของอิหร่าน แม้ว่าปัจจุบันหลายประเทศในยุโรป อาทิ เยอรมนี และอิตาลี จะกลายมาเป็นคู่ค้าสำคัญของอิหร่านก็ตาม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น