Wlecom To Blog Kru Ploy Na Ka

หน้าเว็บ


ขอฝากจากตลาดคลองสาน 100 ปี

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อารยธรรมจีน



อารยธรรมจีน ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานที่สุดประเทศหนึ่ง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ สามารถค้นคว้าได้บ่งชี้ว่าอารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานที่สำคัญของอารยธรรมจีนคือ การสร้างระบบภาษาเขียน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงที่เป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลายอาณาจักรสลับกันไป ในบางครั้งก็ถูกปกครองโดยชนชาติอื่น วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ซึ่งถ่ายทอดไปทั้งการอพยพ การค้า และการยึดครอง
อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีแหล่งอารยธรรมที่สำคัญ 2 แหล่ง คือ
• ลุ่มแม่น้ำฮวงโห พบความเจริญที่เรียกว่า วัฒนธรรมหยางเชา ( Yang Shao Culture ) พบหลักฐานที่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีลักษณะสำคัญคือ เครื่องปั้นดินเผาเป็นลายเขียนสี มักเป็นลายเรขาคณิต พืช นก สัตว์ต่างๆ และพบใบหน้ามนุษย์ สีที่ใช้เป็นสีดำหรือสีม่วงเข้ม นอกจากนี้ยังมีการพิมพ์ลายหรือขูดสลักลายเป็นรูปลายจักสาน ลายเชือกทาบ
• ลุ่มน้ำแยงซี ( Yangtze ) บริเวณมณฑลชานตุงพบ วัฒนธรรมหลงซาน ( Lung Shan Culture ) พบหลักฐานที่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีลักษณะสำคัญคือ เครื่องปั้นดินเผามีเนื้อละเอียดสีดำขัดมันเงา คุณภาพดีเนื้อบางและแกร่ง เป็นภาชนะ 3 ขา
สมัยประวัติศาสตร์ของจีนแบ่งได้ 4 ยุค
• ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชาง สิ้นสุดสมัยราชวงศ์โจว
• ประวัติศาสตร์สมัยจักรวรรดิ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ๋น จนถึงปลายราชวงศ์ชิงหรือเช็ง
• ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่มปลายราชวงศ์เช็งจนถึงการปฏิวัติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม
• ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริ่มตั้งแต่จีนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์จนถึงปัจจุบัน
อารยธรรมจีนในสมัยราชวงศ์ต่างๆ มีดังนี้
• ราชวงศ์ชาง เป็นราชวงศ์แรกของจีน
 มีการปกครองแบบนครรัฐ
 มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้เป็นครั้งแรก พบจารึกบนกระดองเต่า และกระดูกวัว เรื่องที่จารึกส่วนใหญ่เป็นการทำนายโชคชะตาจึงเรียกว่า “กระดูกเสี่ยงทาย”
 มีความเชื่อเรื่องการบูชาบรรพบุรุษ
• ราชวงศ์โจว
 แนวความคิดด้านการปกครอง เชื่อเรื่องกษัตริย์เป็น “โอรสแห่งสวรรค์ สวรรค์มอบอำนาจให้มาปกครองมนุษย์เรียกว่า “อาณัตแห่งสวรรค์
 เริ่มต้นยุคศักดินาของจีน
 เกิดลัทธิขงจื๊อ ที่มีแนวทาง
 เป็นแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม
 เน้นความสัมพันธ์และการทำหน้าที่ของผู้คนในสังคม ระหว่างจักรพรรดิกับราษฎร บิดากับบุตร พี่ชายกับน้องชาย สามีกับภรรยา เพื่อนกับเพื่อน
 เน้นความกตัญญู เคารพผู้อาวุโส ให้ความสำคัญกับครอบครัว
 เน้นความสำคัญของการศึกษา
 เกิดลัทธิเต๋า โดยเล่าจื๊อ ที่มีแนวทาง
 เน้นการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีระเบียบแบบแผนพิธีรีตองใดใด
 เน้นปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ
 ลัทธินี้มีอิทธิพลต่อศิลปิน กวี และจิตรกรจีน
 คำสอนทั้งสองลัทธิเป็นที่พึ่งทางใจของผู้คน
• ราชวงศ์จิ๋นหรือฉิน
 จักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่สามารถรวมดินแดนของจีนให้เป็นจักรวรรดิ เป็นครั้งแรกคือ พระเจ้าชิวั่งตี่ หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นผู้ให้สร้าง กำแพงเมืองจีน
 มีการใช้เหรียญกษาปณ์ มาตราชั่ง ตวง วัด
• ราชวงศ์ฮั่น
 เป็นยุคทองด้านการค้าของจีน มีการค้าขายกับอาณาจักรโรมัน อาหรับ และอินเดีย โดยเส้นทางการค้าที่เรียกว่า เส้นทางสายไหม ( Silk Rood )
 ลัทธิขงจื๊อ คำสอนถูกนำมาใช้เป็นหลักในการปกครองประเทศ
 มีการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเรียกว่า จอหงวน
• ราชวงศ์สุย
 เป็นยุคแตกแยกแบ่งเป็นสามก๊ก
 มีการขุดคลองเชื่อมแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซี เพื่อประโยชน์ในด้านการคมนาคม
• ราชวงศ์ถัง
 ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของอารยธรรมจีน นครฉางอานเป็นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น
 พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรือง พระภิกษุ (ถังซำจั๋ง) เดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎก ในชมพูทวีป
 เป็นยุคทองของกวีนิพนธ์จีน กวีคนสำคัญ เช่น หวางเหว่ย หลี่ไป๋ ตู้ฝู้
 ศิลปะแขนงต่างๆมีความรุ่งเรือง
• ราชวงศ์ซ้อง
 มีความก้าวหน้าด้านการเดินเรือสำเภา
 รู้จักการใช้เข็มทิศ
 รู้จักการใช้ลูกคิด
 ประดิษฐ์แท่นพิมพ์หนังสือ
 รักษาโรคด้วยการฝังเข็ม
• ราชวงศ์หยวน
 เป็นราชวงศ์ชาวมองโกลที่เข้ามาปกครองจีน ฮ่องเต้องค์แรกคือ กุบไลข่าน หรือ หงวนสีโจ๊วฮ่องเต้
 ชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายมาก เช่น มาร์โคโปโล พ่อค้าชาวเมืองเวนีส อิตาลี
• ราชวงศ์หมิงหรือเหม็ง
 วรรณกรรม นิยมการเขียนนวนิยายที่ใช้ภาษาพูดมากกว่าการใช้ภาษาเขียน มีนวนิยายที่สำคัญ ได้แก่ สามก๊ก ไซอิ๋ว
 ส่งเสริมการสำรวจเส้นทางเดินเรือทางทะเล
 สร้างพระราชวังหลวงปักกิ่ง (วังต้องห้าม)
• ราชวงศ์ชิงหรือเช็ง
 เป็นราชวงศ์เผ่าแมนจู เป็นยุคที่จีนเสื่อมถอยความเจริญทุกด้าน
 เริ่มถูกรุกรานจากชาติตะวันตก เช่น สงครามฝิ่น ซึ่งจีนรบแพ้อังกฤษ ทำให้ต้องลงนามในสนธิสัญญานานกิง
 ปลายยุคราชวงศ์ชิง พระนางซูสีไทเฮาเข้ามามีอิทธิพลในการบริหารประเทศมาก


จีนยุคสาธารณรัฐและยุคคอมมิวนิสต์
• ปลายยุคราชวงศ์ชิง ดร.ซุนยัตเซ็น จัดตั้งสมาคมสันนิบาต เพื่อล้มล้างราชวงศ์ชิง โดยประกาศ ลัทธิไตรราษฎร์ ประกอบด้วย 1.หลักเอกราช 2.หลักแห่งอำนาจอธิปไตยของประชาชน 3.หลักความยุติธรรมในการครองชีพ ส่วนนโยบายปฏิวัติ คือ โค่นล้มราชวงศ์แมนจู และจัดตั้งรัฐบาลประชาชน จัดตั้งรัฐบาลตามระบอบสาธารณรัฐ จัดสรรที่ดินให้แก่ประชาชน และก่อตั้งพรรคชาตินิยม หรือ
พรรคก๊กมินตั๋ง ขึ้นในที่สุด
• ต่อมา ซุนยัตเซ็นได้ร่วมมือกับ ยวน ซีไข ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิงได้สำเร็จเปลี่ยนการปกครองเข้าสู่ระบอบสาธารณรัฐ (จักรพรรดิปูยี เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของจีน) มีการแย่งชิงอำนาจของผู้นำทางทหารเรียกว่า ยุคขุนศึก
• ซุนยัตเซ็นได้เสนอให้ ยวน ซีไข เป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน
• ยวน ซีไข คิดสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิและรื้อฟื้นระบบศักดินา
• ดร.ซุนยัตเซ็น ตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง
• เมื่อ ยวน ซีไข เสียชีวิตลง ดร.ซุนยัตเซ็นเป็นประธานาธิบดี แต่เป็นได้ไม่นานก็เสียชีวิต
• หลังจาก ดร. ซุนยัตเซ็น เสียชีวิต เจียงไคเช็ค ขึ้นเป็นผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งและผู้นำจีน
• แต่รัฐบาลเจียงไคเช็ค ประสบปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ราษฎร
• จีนเกิดการปฏิวัติอีกครั้ง โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตุง รัฐบาลเจียงไคเช็ค ต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แต่แพ้
• เหมา เจ๋อตุง สถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ มีการจัดระเบียบสังคมใหม่ เรียกว่า การปฏิวัติทางวัฒนธรรม เพื่อต่อต้านจารีตศักดินาแบ่งชนชั้น
• หลังจาก เหมา เจ๋อตุง เสียชีวิต เติ้งเสี่ยวผิงขึ้นเป็นผู้นำจีนแทน ประกาศพัฒนาประเทศด้วย นโยบายสี่ทันสมัย คือด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนภายในประเทศ รวมทั้งผ่อนปรนวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนให้คลายความเข้มงวดลง

อนุสรณ์สถานประธานเหมา เจ๋อตุง


ศิลปวัฒนธรรมของจีน
• จิตรกรรม
 มีวิวัฒนาการมาจากการเขียนตัวอักษรจีนจารึกบนกระดูกเสี่ยงทายเพราะตัวอักษรจีนมีลักษณะเหมือนรูปภาพ
 งานจิตรกรรมจีนรุ่งเรืองมากในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีการเขียนภาพและแกะสลักบนแผ่นหิน ที่นิยมมากคือ การเขียนภาพบนผ้าไหม ภาพวาดเป็นเรื่องเล่าในตำราขงจื๊อพระพุทธศาสนาและภาพธรรมชาติ
 สมัยราชวงศ์ถัง มีการพัฒนาการใช้พู่กันสีและกระดาษภาพส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาและลัทธิเต๋า
 สมัยราชวงศ์ซ้อง จิตรกรรมจัดว่าเด่นมาก ภาพวาดมักเป็นภาพมนุษย์กับธรรมชาติ ทิวทัศน์ ดอกไม้
• ประติมากรรม
 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ทำจากดินสีแดง มีลวดลาย แดง ดำ และขาวเป็นลวดลายเรขาคณิต
 สมัยราชวงศ์ชาง มีการแกะสลักงาช้าง หินอ่อน และหยกตามความเชื่อและความนิยมของชาวจีน ที่เชื่อว่า หยก ทำให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความสุขสงบ ความรอบรู้ ความกล้าหาญ ภาชนะสำริดเป็นหม้อสามขา
 สมัยราชวงศ์ถัง มีการพัฒนาเครื่องเคลือบดินเผาเป็นเคลือบ 3 สีคือ เหลือง น้ำเงิน เขียว ส่วนสีเขียวไข่กามีชื่อเสียงมากในสมัยราชวงศ์ซ้อง ส่วนพระพุทธรูปนิยมสร้างในสมัยราชวงศ์ถัง ทั้งงานหล่อสำริดและแกะสลักจากหิน ซึ่งมีสัดส่วนงดงาม เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะอินเดียและจีนที่มีลักษณะเป็นมนุษย์มากกว่าเทพเจ้า นอกจากนี้มีการปั้นรูปพระโพธิสัตว์กวนอิม
 สมัยราชวงศ์เหม็ง เครื่องเคลือบได้พัฒนาจนกลายเป็นสินค้าออก คือ เครื่องลายครามและลายสีแดง ถึงราชวงศ์ชิง เครื่องเคลือบจะนิยมสีสันสดใส เช่น เขียว แดง ชมพู
• สถาปัตยกรรม
 กำแพงเมืองจีน สร้างในสมัยราชวงศ์จิ๋น เพื่อป้องกันการรุกรานของมองโกล
 เมืองปักกิ่ง สร้างในสมัยราชวงศ์หงวน โดยกุบไลข่าน ซึ่งได้รับการยกย่องทางด้านการวางผังเมือง ส่วนพระราชวังปักกิ่งสร้างในสมัยราชวงศ์เหม็ง
 พระราชวังฤดูร้อน สร้างในสมัยราชวงศ์เช็ง โดยพระนางซูสีไทเฮา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างยุโรปและจีนโบราณ
• วรรณกรรม
 สามก๊ก สันนิษฐานว่าเขียนในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นเรื่องราวของความแตกแยกในจีนตั้งแต่ปลายสมัยราชวงศจิ๋นจนถึงราชวงศ์ฮั่น
 ซ้องกั๋ง เป็นเรื่องประท้วงสังคม เรื่องราวความทุกข์ของผู้คนในมือชนชั้นผู้ปกครอง สะท้อนความทุกข์ของชาวจีนภายใต้การปกครองของพวกมองโกล
 ไซอิ๋ว เป็นเรื่องราวการเดินทางไปนำพระสูตรจากสวรรค์ทางตะวันตกมายังประเทศจีน
 จินผิงเหมย หรือดอกบัวทอง แต่งขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 เป็นนิยายเกี่ยวกับสังคมและชีวิตครอบครัว เป็นเรื่องของชีวิตที่ร่ำรวย มีอำนาจขึ้นมาด้วยเล่ห์เหลี่ยม แต่ด้วยการทำชั่วและผิดศีลธรรมในที่สุดต้องด้รับกรรม
 หงโหลวเมิ่ง หรือ ความฝันในหอแดง เด่นที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เรื่องราวเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยากัน ผู้อ่านจะรู้สึกเศร้าสลดต่อชะตาชีวิตของพระเอกนางเอกเนื้อเรื่องสะท้อนให้เห็นสังคมศักดินาของจีนที่กำลังเสื่อมโทรมก่อนการเปลี่ยนแปลงสังคมเข้าสู่ยุคใหม่ บันทึกประวัติศาสตร์ ของ สื่อหม่าเฉียน
การถ่ายทอดอารยธรรมจีนสู่ดินแดนต่างๆ
อารยธรรมจีนแผ่ขยายขอบข่ายออกไปอย่างกว้างขวางทั้งในเอเชียและยุโรป อันเป็นผลมาจากการติดต่อทางการทูต การค้า การศึกษา ตลอดจนการเผยแผ่ศาสนา อย่างไรก็ตามลักษณะการถ่ายทอดแตกต่างกันออกไป ดินแดนที่เคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของจีนเป็นเวลานาน เช่น เกาหลี และเวียดนาม จะได้รับอารยธรรมจีนอย่างสมบูรณ์ ทั้งในด้านวัฒนธรรม การเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณี การสร้างสรรค์ และการแสดงออกทางศิลปะ ทั้งนี้เพราะราชสำนักจีนจะเป็นผู้กำหนดนโยบายและบังคับให้ประเทศทั้งสองรับวัฒนธรรมจีนโดยตรง
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อารยธรรมจีนได้รับการยอมรับในขอบเขตจำกัดมาก ที่เห็นอย่างชัดเจนคือ การยอมรับระบบบรรณาการของจีน
ในเอเชียใต้ ประเทศที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับจีนอย่างใกล้ชิด คือ อินเดีย พระพุทธศาสนามหายานของอินเดียแพร่หลายเข้ามาในจีนจนกระทั่งเป็นศาสนาสำคัญที่ชาวจีนนับถือ นอกจากนี้ศิลปะอินเดียยังมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ศิลปะบางอย่างของจีน เช่น ประติมากรรมที่เป็นพระพุทธรูป
ส่วนภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลางนั้น เนื่องจากบริเวณที่เส้นทางการค้าสานแพรไหมผ่านจึงทำหน้าที่เป็นสื่อกลางนำอารยธรรมตะวันตกและจีนมาพบกัน อารยธรรมจีนที่เผยแพร่ไป เช่น การแพทย์ การเลี้ยงไหม กระดาษ การพิมพ์ และดินปืน เป็นต้น ซึ่งชาวอาหรับจะนำไปเผยแพร่แก่ชาวยุโรปอีกต่อหนึ่ง



อารยธรรมจีนเกิดขึ้นครั้งแรกที่ลุ่มแม่น้ำฮวงโห คือที่ราบตอนปลายของแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำแยงซีเกียง อารยธรรมจีนเจริญโดยได้รับอิทธิพลจากภายนอกน้อยเพราะทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกและทิศเหนือเป็นทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขา จีนถือว่าตนเป็นศูนย์กลางของโลก เป็นแหล่งกำเนิดความเจริญ แหล่งอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่พบมีอายุประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์กาลที่ตำบล ยางเชา เรียกวัฒนธรรมยางเชา มณฑลเฮอหนาน และวัฒนธรรมลุงชาน ที่เมือง ลุงชาน มณฑลชานตุง พบ เครื่องมือ เครื่องใช้ทำด้วยหิน กระดูกสัตว์ เครื่องปั้นดินเผา กระดูกวัว กระดองเต่าเสี่ยงทาย


ราชวงศ์ที่สำคัญของจีน
ราชวงศ์ ชาง เป็นราชวงศ์แรกของจีน ประมาณ 1,500 ปีก่อนค.ศ. ที่เมืองอันยาง มณฑลโฮนาน เริ่มมีการตั้งชุมชน และการปกครองแบบนครรัฐ ลักษณะเป็นสังคมเกษตรกรรม มีการประดิษฐ์อักษรภาพ 5,000 ตัวเขียนบนกระดองเต่า มีเทพเจ้าที่สำคัญคือเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์
มีการประกอบพิธีบูชาบรรพบุรุษ เซ่นไหว้เทพเจ้าราชวงศ์นี้สิ้นสุด ประมาณ 1,000 ปีก่อนค.ศ.
ราชวงศ์โจว 1,000-221 ปี ก่อน ค.ศ. ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของสมัยศักดินา (ระบบเฟิงเจี้ยน)และถือว่าเป็นยุคคลาสิกของจีน
1. มีการมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้ที่สนับสนุนราชวงศ์ กำหนดสิทธิหน้าที่ตามลำดับชั้นฐานันดรศักดิ์
2. มีการแต่งตั้งผู้แทนกษัตริย์เป็นข้าหลวงประจำหัวเมือง
3. มีการกำหนดหลักเกณฑ์ “เทียนมิ่ง” (อาณัติสวรรค์) มอบอำนาจให้กษัตริย์ราชวงศ์โจวปกครอง กษัตริย์มีฐานะเป็นโอรสสวรรค์ ถ้าปกครองด้วยความยุติธรรม หากปกครองโดยไร้คุณธรรมกษัตริย์จะถูกเพิกถอนจากผู้ทรงคุณธรรม ถือเป็นแนวคิดที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของจีนตลอด 2 พันปี
4. เกิดนักปรัชญาเมธีที่ส่งผลให้ราชวงศ์โจวเป็นยุคทองของภูมิปัญญาที่ส่งผลต่อความเชื่อ ค่านิยม ปรัชญาของสังคมจีนในสมัยนี้ ระบบราชการจะยึดแนวอุดมการณ์ของขงจื๊อ คือผู้ปกครองเป็นตัวแทนของกษัตริย์ต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน แนวคิของขงจื๊อและเล่าจื๊อ มุ่งแสวงหาหลักของศีลธรรมจรรยาและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม เน้นการทำหน้าที่ของตน
ระบบครอบครัว ของจีนยึดความกตัญญูและนับถือผู้อาวุโสตามหลักคำสอนของขงจื๊อ
หลักคำสอนของขงจื๊อ ถือว่ามนุษย์ที่สมบูรณ์เพียบพร้อมที่สุดคือเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม
แนวคำสอนที่เป็นพื้นฐานของภูมิปัญญาจีนที่เชื่อว่าปัญหาต่างๆในสังคมเกิดจากคนแต่ละคน การแก้ปัญหาทางหนึ่งคือการฝึกฝนตนเองการอบรมตนเอง และสามารถปกครองครอบครัวได้เมื่อปกครองครอบครัวได้ก็สามารถปกครองแค้วนได้ คุณธรรมประกอบด้วยหลัก 5 ประการ ความสุภาพ มีใจโอบอ้อมอารี จริงใจ ตั้งใจ เมตตากรุณา คุณธรรมที่สำคัญที่เป็นหัวใจของปรัชญาขงจื๊อคือ เหริน เพราะคำนี้ประกอบด้วย อักขระสองตัวคือ “คน” กับ “สอง” หมายถึงมนุษยสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เหรินคือความรัก ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ เริ่มจากความรักในบิดา มารดา ความรักในความเป็นพี่น้อง
ผลงานของขงจื๊อรวบรวมไว้เรียก ตำรับ 5 เล่มของขงจื๊อประกอบด้วย
1. อี้จิง ตำรับว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง
2. ชูจิง ตำรับว่าด้วยประวัติศาสตร์
3. ซือจิง ว่าด้วยกาพย์กลอน
4. หลี่จิ้ง ว่าด้วยพิธีการ
5. ชุนชิว พงศาวดารฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง
ลัทธิเต๋า มีอิทธิพลต่อจีนทางด้านศิลปกรรม และมีการผสมกลมกลืนกันระหว่างลัทธิขงจื๊อและพุทธศาสนานิกายมหายาน
การแพทย์เริ่มในสมัยนี้ มีการตรวจรักษาโรค จับชีพจร ใช้ยาสมุนไพร รู้คุณสมบัติของแม่เหล็ก (นำมาประดิษฐ์เข็มทิศในสมัยสามก๊ก)
ราชวงศ์ จิ๋น 221-207 ปี ก่อนค.ศ. จีนเริ่มเป็นจักรวรรดิ์ พระเจ้าชิวั่งตี่ หรือจิ๋นซีฮ่องเต้ ยึดหลัก)ปกครองที่เข้มงวดตามหลักนิติธรรม(ฟาเจีย)ของ ซุนจื๊อ ที่เห็นว่ามนุษย์ชั่วร้ายมี กิเลส ตัณหาต้องใช้อำนาจและกฏหมายเป็นเครื่องควบคุม ยกเลิกระบบศักดินา แบ่งเขตการปกครองเป็น 36 มณฑล แต่งตั้งข้าราชการไปปกครอง จัดระเบียบการเขียนหนังสือ ทำลายขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมและคำสอนของขงจื๊อเผาตำราต่างๆ มีการสร้างกำแพงเมืองจีน ค้นพบ ดินปืนเป็นชาติแรก
มาตราชั่งตวง วัด
ราชวงศ์ ฮั่น202 ปีก่อน ค.ศ. – ค.ศ.221 มีการฟื้นฟูปรัชญาและวรรณกรรมที่มีการเผาในสมัยราชวงศ์ ฉินหรือ จิ๋น นำหลักการของขงจื๊อมาใช้ในการปกครองประเทศ มีการสอบเข้ารับราชการหรือ ระบบจอหงวน มีการทำกระดาษจากเปลือกไม้ คิดค้นการทำหมึกจากเขม่าต้นรัก ใช้พู่กันเขียนลงบนกระดาษ การคำนวณหาอัตราส่วนเส้นผ่าศูนย์กลางกับเส้นรอบวง ประดิษฐ์ลูกคิด เครื่องตรวจแผ่นดินไหว ในสมัยนี้มีการใช้เส้นทางแพรไหม (Silk Route) ในการติดต่อค้าขายกับทางตะวันตกเมื่อสิ้นราชวงศ์ฮั่นเกิดการรบแย่งชิงอำนาจนาน 50 ปี เรียกสมัยสามก๊กจีนแบ่งแยกเป็นแค้วนๆ ค.ศ. 220-265 และ สมัย หกราชวงศ์ ค.ศ.420-589 ราชวงศ์ ซุย ค.ศ.589-618
ราชวงศ์ถัง ค.ศ. 618 -907 ถือว่าเป็นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรมมีการส่งพระ
ยวนชาง (พระถังซัมจั๋งไปสืบพระพุทธศาสนาที่อินเดีย)
ราชวงศ์ซ้องหรือสุ้ง ค.ศ. 960-1279 ฟื้นฟูลัทธิขงจื๊อและ ลัทธิเต๋า เกิดประเพณีรัดเท้าสตรี ต่อมาถูกเผ่ามองโกลรุกราน
ราชวงศ์หงวน ค.ศ. 1279 – 1368 เป็นเผ่ามองโกล มีผู้นำชื่อกุบไลข่าน เป็นสมัยที่มีชาวต่างชาติเข้ามาติดต่อค้าขาย รับราชการ เช่น มาร์โค โปโล
ราชวงศ์หมิง ค.ศ.1368-1644 นำโดยจู ยวนชางขับไล่มองโกล มีความเจริญในการทำเครื่องเบญจรงค์
ราชวงศ์ชิง ค.ศ.1644-1911 เป็นชนเผ่าแมนจู บังคับให้ผู้ชายจีนไว้หางเปีย ห้ามนำสตรีจีนเข้ามาเป็นนางใน มีวรรณกรรมที่เด่นเกิดขึ้นชื่อ ความฝันในหอแดง สะท้อนสังคมศักดินาของจีนที่กำลังเสื่อม
ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ยุคใหม่ ผู้แต่งคือ เฉาจัน
ที่มา : อารยธรรมสมัยโบราณ-สมัยกลาง ของ คณะอักษรศาสตร์จุฬา , มรดกอารยธรรมโลก ของ มหาวิทยาลัยเกษตร

13 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ28 พฤษภาคม 2554 เวลา 18:07

    ครูปอย เซ็กซี่มากกกกก

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ31 พฤษภาคม 2554 เวลา 17:55

    ขอบคุณนะค้าาา

    ตอบลบ
  3. สอบจองหงวนเริ่มราชวงส์โจวไม่ใช่หรือครับสมัยอู่เจ๋อเทียน

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ28 กรกฎาคม 2554 เวลา 18:33

    ตัวเล็ก เนื้อหาเยอะดีมาก ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ22 สิงหาคม 2554 เวลา 17:11

    ใช้ได้ค่ะ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ25 สิงหาคม 2554 เวลา 19:11

    yesssssssssss

    ตอบลบ
  7. ทำไมประวัติศาสตร์ยากจังครับครู

    ตอบลบ
  8. ตัวอักษรอ่านอยากมาก

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ3 สิงหาคม 2555 เวลา 15:19

    ขอบคุณมากๆเรยน่ะค่ะ-/\-

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ10 สิงหาคม 2555 เวลา 20:53

    จัดเต็มค่ะ

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ11 กันยายน 2555 เวลา 20:55

    ตัวอักษร แม่ง!!!!!!!!!!อ่านโครตอยากเลยอ่ะ ^_^

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณมากค่ะเย้รายงานเสร็จแล้ว^^

    ตอบลบ